ก่อนจะได้เข้าทำหน้าที่ ATM (Appraisal Team Member) ผมต้องผ่าน Course High Maturity Concepts ก่อนครับ โดยผมมีสรุปสิ่งที่ผมเข้าใจไว้คร่าวๆ ดังนี้
High Maturity คือ อะไร
- ถ้ามองเป็นคน องค์กรต้องเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะ ประสบการณ์ หรือมองว่าเป็นข้อมูลในอดีต (Historical Data)
- การตัดสินใจใดๆ ต้องมีเหตุ และผลรองรับ จากข้อมูล (Data Driven Decisions) มองว่าเป็นการทำ Hypothesis Test ที่ใน 100% บอกความเชื่อมั่นว่าสำเร็จเท่าไหร่ และที่เหลือมองเป็น % ความเสี่ยง ครับ
- ถ้าใน CMMI ประสบการณ์จะมาจาก LV3 ที่เน้นจัดการข้อมูลในอดีต (Historical Data) เพื่อนำมาทำจุดอ้างอิง (Baseline) กว่าเราจะได้ข้อมูลที่ดี (Data Quality) ได้ ต้องผ่านทุกข้อของ LV3 นะครับ อาทิ เช่น ทุกคนในองค์กรทำตาม Process ไปในทางเดียวกัน Tailoring ที่สามารถควบคุมได้ และต้องรู้ด้วยว่าจะเก็บข้อมูลไป เพื่ออะไร ? เป็นต้น
CMMI 2.0 Process Area(PA) ที่เป็น High Maturity
สำหรับ Practice Area ที่เป็น High Maturity ได้แก่ PCM / GOV / PLAN / SAM / MPM / CAR
- LV4: ช่วยจัดการสาเหตุของ Process Variation ได้
- LV5: ช่วยให้เห็นจุดที่สามารถปรับปรุง Process ได้
Process Variation & Capable process
- Stable Process
- มันไม่ได้แปลว่ากระบวนการเสถียรนะ มันเป็นกระบวนการที่ทำการใข้งานจริงที่สอดคล้องกันในองค์กร โดยขึ้นกับ Process Description / Measure / Training หรือ มีเครื่องมือช่วยเข้ามาช่วย
- Process Variation - ความแปรปรวนของกระบวนการที่เกิดจากการใช้จริง เก็บข้อมูล วัดออกมาได้ ตอน LV3 ต้องวางแผนการวัด (Measurement) ดีๆด้วย
- Capable Process (ขีดความสามารถของกระบวนการ)
- ต้องวัดมันออกมาเป็นตัวเลขนะ
- Capable Process = Stable Process (baseline จาก History Data) + Performance within specification limit (ตัวเลขที่วัดได้จากการทำงานจริง ไม่เกินค่าขอบที่กำหนดไว้)
Translating Business Needs to Performance
ในเมื่อเราอยากให้องค์กรมีวุฒิภาวะ (High Maturity) ในส่วนนี้เป็นแนวทางที่ทำให้ช่วยจาก Business Need จนทำให้เกิด Business Performance โดยที่มีกระบวนที่เป็น High Maturity มี Keyword ที่ต้องเข้าใจ ดังนี้
- Business Objective
- วัตถุประสงค์ของธุรกิจ โดยตั้งต้นมาจาก Vision
- สิ่งที่สำคัญเลยจะต้องเป็นสิ่งที่สามารถวัดเป็นตัวเลขได้ (Measure Objective)
- QPPO (Quality and Process Performance Objectives) - ผมมองว่าเป็นการจัดกลุ่มของกระบวนการ เพื่อเอามาวัด product quality / service quality / process performance โดยกำหนดตัว QPPO ต้อง SMART
- Specific - เจาะจง ไม่หว่านแห
- Measurable - วัดได้
- Attainable - สามารถทำได้จริง
- Relevant - สอดคล้องกับ Goal ขององค์กร
- Time-bound - มีช่วงเวลากำหนดชัดเจน
- PPB (Process Performance Baselines)
- Snapshot ของ Historical Data (Process Performance) ซึ่งมี Measure ที่เอามาวัด Process (จริงๆ มันแอบ Link กลับไป Business objectives / Quantitative Process / Product objectives นะ)
- ตัว Measure อาจจะมีค่าทางสถิติ เช่นพวก mean, medium, mode ประกอบด้วยได้
- ตัว PPB เอามาใช้
- ตัวใช้วัดผล (Benchmark) เทียบการทำงานจริงของ Process กับค่าที่ตั้งเป้าไว้
- ใช้เป็น Input สำหรับทำ PPM (Process Performance Model)
- PPM (Process Performance Model) เป็น Model ของ Process + ความสัมพันธ์ของ Factor ที่เกี่ยวข้อง (อาจจะมาจากการทำ CAR) เพื่อนำมา
- ใช้สำหรับการทำนาย (Predict) และช่วยให้เข้าใจความเหวี่ยง/ไม่แน่นอน (uncertainties) จากการใช้ Process
- และควบคุมการทำงานของ Process
สุดท้ายเนื่องจาก Course ที่เรียนเป็นภาษาอังกฤษ ผมเองอาจจะสรุปผิดพลาดไป ต้องอภัยมา ณ ที่นี่ก่อนเลนนะครับ
Reference
- หากใครสงสัย PPB ดู Link นี้เพิ่มได้ครับ Process Performance Baseline (Data Analysis) | LinkedIn
Discover more from naiwaen@DebuggingSoft
Subscribe to get the latest posts sent to your email.