ยอมรับเลยครับ ว่าปีนี้น่าจะเป็นปีที่โทรมที่สุด เพราะ ทำงาน จันทร์ - เสาร์ เช้างาน 8 โมง กว่าจะเลิกงานได้ก็ปาไปเกือบๆ 3 ทุ่ม - 4 ทุ่มแล้ว เวลานั้นสมงสมองล้าไปหมดครับ เลยวาง Thesis มาทำในช่วงวันอาทิตย์เป็นหลักครับ ส่วนวันทำงานปกติถ้าเลือก 3 ทุ่ม ก็ไปวิ่ง วิ่งคนเดียวในวงเวียนใหญ่ 555 (เวลานี้ปกติคนจะกลับไปหมดแล้วครับ) อย่างที่บอกไปครับ
ปีนี้เน้นสุขภาพครับ แต่งานโคตรเยอะครับ
และก็หวังว่าหลังจากเดือนกันยายนไป งานจะเริ่มดีขึ้นครับ เพราะ มีคนเข้ามาช่วย Support มากขึ้นแล้วครับ หลังจากการวางแผนการจัดการ Resource ที่ผิดพลาดในโครงการก่อนจน Resource ที่มีทำงานซ้ำซ้อนไปหมดครับ เรียน SE มาวิชา PM เออมันสำคัญจริงๆนะ แม้ว่าเราจะไม่ได้จัดการ Resource แต่เป็นกลไกไกลให้โครงการเดินต่อไปได้ควรรู้และเข้าใจครับ //บ่นมามากพอและ 555
วันที่ 9 เดือน 9 หลังจากรอบมานาน ก็โดนโปรไปครับ 555 โดยได้มาหลายอย่างเลย เช่น เมาส์ Ergonomic (เดี๋ยวจะมา Review นะครับ / หูฟัง Sony และ Mi Band 3 ครับ โดยที่สั่ง Mi Band 3 เพราะ อยากจะเอามาช่วยนับก้าวเดิน ดูการนอนแบบคร่าวๆ และจับอัตราการเต้นของหัวใจเมื่อวิ่งครับ เมื่อได้ของมาแล้วมาลองแกะกันครับ
สำหรับ Mi Band3 เมื่อแกะกล่องพบของ ดังนี้ครับ
- ตัว Mi Band3
- สายรัดข้อมือ
- สายชาร์จครับ
ถ้าจะใช้งานจริงจังต้องมีลง App Mi Fit ด้วยนะครับ และต้องสร้างบัญชี Mi Account ด้วย ซึ่งก็สมัครได้หลายช่องทาง (ผมใช้ Facebook Login ครับ แต่จัดสิทิธิ์บางอย่างไม่ให้ Xiaomi ได้ครับ)
- การเชื่อมต่อครั้งแรกต้องเปิด Bluetooth เพื่อ เชื่อมต่อครับ (ส่วนครั้งหลังๆมันจะเปิดอัตโนมัติ เมื่อเราเปิด App Mi Fit เพื่อ Sync ข้อมูลครับ)
- ใช้ร่วมกันหูฟัง Bluetooth ของผมใช้ร่วมกับ Sony ก็ไม่มีปัญหาครับ
- ลองเชื่อมกับ App วิ่งอย่าง Nike+ Run Club ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ ส่วนวิธีการเชื่อมขอแยกเป็นอีก Blog ครับ
- ลองใช้ให้มันจับเวลานอน ผมว่ามันก็จับได้แม่นอยู่นะ ระบบมันบอกเลยว่านอนน้อยมากก และนอนหลับไม่สนิทด้วย ซึ่งก็น่าจะจริง งานค้างคาใจมากครับ
เดี๋ยวลองใช้ไปจนถึงสิ้นปีน่าจะได้เขียนอีกทีใน Blog "Year in Review" ครับ
Discover more from naiwaen@DebuggingSoft
Subscribe to get the latest posts sent to your email.