บทที่ 3 คิดอย่างแตกต่างในหน้าที่การงานของคุณ(สรุปโดยพี่ปิง COMSWU#21)

บิล สตริกแลนด์ ผู้เขียนหนังสือและผู้นำชุมชนเป็นหนึงในตัวอย่างการเลือกทำในสิ่งที่รักได้เป็นอย่างดี ตอนเด็กเขาอาศัยอยู่ในชุมชนแออัดยากจน เขาแทบไม่ไม่เข้าเรียนหนังสือเลย จนกระทั่งเขาได้พบกับแฟรง รอส ครูวิชาเครื่องปั้นดินเผา เขาพบว่าเครื่องปั้นดินเผาเป็นสิ่งที่สวยงาม และเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ทำให้เขาได้คิดว่ายังมีสิ่งที่เขายังไม่รูจักอีกมากมาย ช่วยให้เติมไฟในความฝันของเขา

หลังจากเรียนจบเขาได้เรียนเป็นนักบิน และเข้าทำงานจนกระทั่งบริษัทล้มละลาย เขาสามารถเลือกที่จะเป็นนักบินต่อไปได้ แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เขาต้องการเปลี่ยนแปลงโลก เขาออกมาสร้างโครงการสอนศิลปะให้เด็กๆ และศูนย์ฝึกอาชีพให้กับผู้ใหญ่ เขามีความคิดคล้ายกับสตีฟ จ๊อบคือเลือกทำในสิ่งที่รัก เพราะเขาเชื่อว่าความมีใจรักเป็นเชื่อเพลิงที่ใช้ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ในก้าวต่อไป แม้จะถูกท้าทายจากสิ่งต่าง หรือการถูกปฏิเสธจากผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งญาติพี่น้องของคุณเองด้วย มันทำให้คุณก้าวเดินได้แม้จะมองไม่เห็นจุดหมายเลยก็ตาม ความมีใจรักไม่สามารถช่วยคุณจากความตกต่ำได้ แต่มันช่วยให้คุณอยู่ได้แม้ว่าตกต่ำซักเพียงไหน

เจมส์ไดสัน นักประดิษฐ์เครื่องดูดฝุ่น เพราะเขาไม่พอใจที่เครื่องดูดฝุ่นแบเดิมนั้น ไม่สามารถดูดฝุ่นได้สะอาด เขาล้มเหลวหลายครั้ง อยากจะเลิกทำทุกๆ วัน แต่เพราความรักความสนุกในการประดิษฐ์ ความอดทนอันมหาศาลการประดิษฐ์ครั้งที่ 5127 เขาก็สามารถสร้างเครื่องดูดฝุ่นที่ปฏิวัตวงการได้สำเร็จ

ไดสันมีความเชื่อว่าในการรับพนักงานใหม่ ไม่ควรรับคนที่มีประสบการณ์เหมือนกันเข้าทำงาน เขาเชื่อว่าการรับคนที่มีผลงานที่น่าสนใจในวงการอื่น กับเด็กจบใหม่น่าสนใจกว่า

ความคิดของไดสันคล้ายการรับคนของแอปเปิ้ล คือต้องคนที่มีความสามารถสูง เป็นผู้ชนะ ไม่ต้องการที่จะอยู่กับบริษัทจนเกษียณ และไม่ใช่คนในวงการเดียวเพราะความเฉลียวฉลาดมาจากทุกหนทุกแห่ง คนที่เล่าประสบการณ์ด้วยผลงานไม่ใช่ตำแหน่ง คนที่มีพลังในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่

บางครั้งความจำเป็นก็เป็นที่มาของนวัตกรรม เรเชล เรย์ เจ้าของรายการ 30 minute meal รายการอาหารที่สามารถปรุงเสร็จใน 30 นาที เธอมีความเชื่อว่าถ้าเราสามารถรอให้พิซซ่ามาส่งใน 30 นาทีได้ เราก็ควรสามารถทำอาหารในเวลา 30 นาทีได้เช่นกัน ในตอนแรกในเธอต้องขาดทุนในการดำเนินรายการ แต่ความไว้ใจในสิ่งที่รัก เธอจึงประสบความสำเร็จได้
คริส การ์ดเนอร์ เจ้าของเรื่องราวในหนัง The Pursuit Of Happyness คนที่ต้องอาศัยนอนตามสถานีรถไฟใต้ดิน กลายเป็นมหาเศรษฐีได้ เพราะการเลือกทำ ในสิ่งที่ใจรัก เขาค้นพบว่าเขารักในการเป็นนายหน้าค้าหุ้น จนประสบความสำเร็จ เขาให้สัมภาษณ์ว่า เขาทำสิ่งที่รัก และหากยังหาไม่พบเขาจะหาต่อไป จนกลายจะเจอสิ่งที่อดใจทำแทบไม่ไหว

คุณต้องค้นหาความสารถจริงๆ ของตัวคุณเอง เช่น จิลเลี่ยนที่เป็นเด็กที่ที่ถูกวินิจฉัย ว่าเป็นเด็กไม่ปกติ แต่หลังจากที่หมอออกจากห้องโดยทิ้งวิทยุไว้ เมื่อเขากับมา จิลเลี่ยนกำลังเต้นรำตามจังหวะดนตรี ต่อมาจิลเลี่ยนจึงได้กลายเป็นนักเต้นที่มีชื่อเสียง

การค้นหาจุดแข็งของตนเองเป็นสิ่งสำคัญ อีไล ฮารารี ceo ของ sandisk เคยคิดจะผลิตเบ็ดตกปลา แต่หลังจากได้รับคำแนะนำจากภรรยา เขาก็หันมาจับ จุดแข็งของเขาคือเรื่องของ เซมิคอนดักเตอร์
คุณไม่สามารถมีใจรักเพียงอย่างเดียว คุณต้องมีความถนัดรวมอยู่ด้วย จึงสามารถจะเปลี่ยนแปลงโลกได้ เช่นเดียวกับ จ๊อบ

สรุปใจความ

นวัตกรรมจะเกิดขึ้นได้เมื่อเรามีใจรักในสิ่งที่ทำ ความมีใจรักเป็นเชื้อเพลิงทางอารมณ์ที่ช่วยขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ให้สำเร็จ ไม่ว่าจะถูกท้าทาย ถูกปฏิเสธ ความมีใจรักไม่อาจช่วยคุณจากความตกต่ำ แต่มันช่วยให้คุณอยู่ได้แม้จะตกต่ำแค่ไหน ดังนั้นคุณควรค้นหาสิ่งที่เรารักจริงๆ รักที่จะทำจนอดใจไม่หลับไม่นอนได้ อย่าไปเสียเวลาในการใช้ชีวิตแบบคนอื่น

สรุปโดยพี่ปิง COMSWU#21

สำหรับบทอื่นๆ

Discover more from naiwaen@DebuggingSoft

Subscribe to get the latest posts sent to your email.