BonChon @ Central Pinklao

หลังกจากนั่งแกะ Code ระบบงานเก่ามาเช้า ถึงบ่าย มาราธอนเลย (แต่จริงๆก็ไม่นะ มีวิ่งไล่จับตะขายอยู่ชั่วโมงนึง) หลังจากที่ทำงานตามเป้าหมายแล้ว ท้องว่างมาตั้งแต่เช้า หลังจากกินขนมปังไปชิ้นเดียว ผมเลยตัดสินใจไปกินไก่ BonChon สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า  

[Steak] Hungry Nerd

หลังจากทำงานเหนื่อย ขึ้นงาน Product วันเงินเดือนออก ส่วนใหญ่ ผมและน้องๆที่ทำงานมันจากมาหาะไรหม่ำๆกันครับ ตัวเลือกแรกของผม คือ ปิ้งย่าง, Steak ครับ ในโครงการ CoCo Walk ที่ BTS ราชเทวี มีร้าน Steak ที่ราคาย่อมเยาว์ บริการดี พนักงานน่ารัก (คนใส่แว่น หน้าตาออกแขกๆ น่ารักครับ) สำหรับร้าน Steak เมนูโดดเด่นคงไม่พ้น สเต็ก เพราะ 80% ของเมนูคือ สเต็ก อีก 20% ที่เหลือเป็นของทานเล่น Appetizers , Soups , Salads , Burgers แล้วก็ไอศครีมครับ ลองดูภาพได้จาก Gallery ได้เลยครับ โดยเมนูที่ผมแนะนำ Steak จานใหญ่ 499 ครับ เหมาะสำหรับ 2-3 คนครับ ทานคู่กับซุปเห็ดนี่ โอเคเลยครับ กินเสร็จวิ่งแหลกก ฮ่าๆ ตำแหน่งร้านดูได้จากแผนที่ครับ

เข้าโรงหนัง ในรอบ 5 ปี

หลังจากทำงานเสร็จ ลองแกะ Code เสร็จ ระบบงานที่ต้อง Port ออกมาได้ตามเป้าหมายวันนี้ เวลาก็ประมานบ่าย 2 ผมคิดว่า เราควรจะเปลี่ยนอะไรใหม่ๆ หรือลองกล้าที่จะทำอะไรคนเดียว เช่น การดูหนังในโรงภาพยนตร์คนเดียวครับ โดยเรื่องที่ผมเลือกไว้ คือ Captain America Civil War แบบ Sound Track ลองฝึกฟังภาษาอังกฤษอีกรูปแบบหนึ่ง หลังจากลองดู Agent of Shield และซีรีย์อีกหลายๆเรื่องมา โดยหลังมาถึงที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า สิ่งที่สะดุด คือ มีเวลาที่การแข่งหุ่นยนต์เล็กๆ ทำให้ย้อนอดีคไปตอน ม ปลายครับ ที่เคยไปแข่งขันระดับประเทศ และระดับโลก โดยใช้ชุดห่นยนต์ของ LEGO(RCX และ NXT เป็นยุคแรกเลยมั้ง) และ I-NEX กลับมาที่เรื่องหนังดีกว่า ตอนแรกผมก็ไปแบบงงๆ จากการต่อคิวมาทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ มาที่ตัวหนังดีกว่า สำหรับ Captain America Civil War ผมมองว่าเป็นหนังที่มีที่มา มีมิติมาก ตัวร้ายก็ไม่ได้มีสาเหตุที่แบบสุดโต่ง เกิดมาเลวเลยย พระเอกก็ไม่ได้แบบดีเวอร์ มีมุมร้ายๆ และมุมดี สำหรับการดูหนังคร้้งนี้ผมชอบคำพูดของผู้พัน เฮลมุต ซีโม่ I have experience… and patience. A man can do anything if he has those. An empire toppled by its enemies can rise again, but one which crumbles from within? That’s dead… forever. ผู้พัน ซีโม่…

String .Equals() vs ==

two pigeon perched on white track light + equal

พอดีเมื่อวันพฤหัสก่อน เห็นน้องที่ทำงานใช้ Operator == ในการตรวจสอบว่า String เป็นอันเดียวกันไหม แต่ผมเห็นแล้วรู้สึกแปลกๆ มันควรใช้ Method Equals() มากกว่าครับ ใน Blog ตอนนี้ผมแสดงความแตกต่างของ .Equals() กับ == โดยผมยกตัวอย่างเฉพาะในภาษา Java และ C# ที่ผมใช้งานหลักอยู่ครับ – JAVA – C# ความแตกต่างของ String .Equals() vs == จาก Code ทั้ง 2 แบบ เราจะเห็นความแตกต่างกันของ String นะครับ (ตามตัวอย่างของ C# และ Java นะครับ) – Method Equals Method Equals: มันตรวจสอบทั้ง Reference และ Value ครับ เจ้า Method Equals() เป็น polymorphic หลายคนอาจจะงงครับ ถ้าเป็นคำว่า Polymorphism อาจจะร้องอ๋อ – Operator Equals (==) Operator Equals (==): ตรวจสอบ Reference อย่างเดียวครับ ตำแหน่งของหน่วยความจำใน Memory ถ้าเป็นพวกภาษา C ก็ Pointer นั้นแหละครับ สรุป ในการตรวจสอบว่า String เหมือนกัน ไม่ว่าเป็น Java หรือ C# ที่ผมยกตัวอย่างมา ต้องใช้ Method Equals() ถึงเหมาะสมกว่านะครับ เดี๋ยวเจอ Defect ที่คิดว่าเป็นความบกพร่องของตัวภาษา แต่จริงๆแล้ว เรายังไม่เข้าใจมันมากกว่า

Human Error แหก แหวก ผ่าทะลุกฏเกณฑ์

วันนี้ได้ไป Stand by เพื่อเอา Program ขึ้น Production โดยก่อนที่จะมาถึงด่านนี้ได้ ก็ต้องผ่าน ทั้งหมดนี้ดูดีครับ แต่ใช้งานจริงหละ วันจริง เมื่อถึงวันจริง ระหว่างที่ผมนั่งช่วย User Map หัว GL เพื่อส่งออกไปยังระบบ SAP ในวันรุ่งขึ้น แต่น้องที่ Stand by อยู่ โทรมาแจ้งว่า แย่แล้วววว รัน Script ผิด Version ฝ่าย IT ของ Site ลูกค้า หยิบแผ่น 8.4.0.6 มารัน แทนที่จะเป็น 8.4.1.6 ซวยครับ แพลนที่จะกลับบ้านเร็วๆ หมดกัลลล (รอบก่อน IT ของ Site ลูกค้า ใส่ Password ผิดจนระบบ Lock) ผมรีบกลับมาดูความเสียหายครับ โดยพวกว่ามี 4 ส่วนที่โดนครับ สำหรับการแก้ปัญหานั้น ผมใช่วิธี ซ่อม Data ครับ เนื่องจาก สิ่งที่อยากเตือน สำหรับการจัดการ Script ขึ้นระบบ Production ท้ายสุดแล้ว Policy ดี | ระบบ ดี แต่ Human Error มันแหกได้ทุกข้อจำกัดครับ ตั้งสติก่อน Start ครับ ^___^

ลองเข้าร่วมเป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์งานครั้งแรก

photo of people having meeting

ทำงานที่ บ เดิมมา 2 ปีกว่า มีคนในทีมที่ต้องดูแล 2 คน วันนี้เป็นอีกวันครั้งที่ได้มีโอกาสเข้าไปสังเกตุการสัมภาษณ์ และได้สัมภาษณ์จริงๆ จากน้องๆที่มาจาก มศว ครับ การสัมภาษณ์งาน แม้ว่าคุยแค่ 10 – 30 นาที แต่เราต้องรู้ให้ได้มากที่สุดครับว่าคน คนนั้นเหมาะสมกับองค์กรไหม โดยดู ดังนี้ และอื่นจิปาถะ เดี๋ยวถ้ามี update อะไร ผมจะมา update เพิ่มครับ โดยเท่าที่รู้มาศาสตร์ด้วยการจัดการทรัพยากรบุคคล หรือ HR เนี่ย มันแยกเป็นชั้นเรียน เพื่อสอนโดยเฉพาะเลยครับ

Small Data vs Big Data

บทความตอนนี้จะขยายมาจากที่ไปฟังสรุปงาน Big Data Conference ครับ จากที่ผมเคยได้บินคำว่า Big Dataมาตั้งแต่ตอนสมัยเรียนปี 4 ผ่านมาแล้ว 3 ปี เห็นคนพูดว่า Big Data อะไรอะไรก็ใหญ่ไปหมด แต่เราไม่รู้มันใหญ่แค่ไหน ถ้ามันไม่ได้เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ใช่ครับ Big Data มันใหญ่ได้ ก็ เพราะ มี Small Data แล้ว Small Data มัน คือ อะไร ไม่เคยได้ยินเลยยย จริงๆแล้วมันอยู่รอบๆตัวเรา เจ้า Small Data เนี่ย มันมาตั้งแต่ที่มีฐานข้อมูลในยุคที่ระบบไฟล์ มาจนถึง Relational Database (อันนี้ฮิตที่สุดครับ แม้ว่าจะมีหลายแบบมาใหม่ อาทิ เช่น Object Oriented Database เป็นต้น) ที่นี้เราลองมาดูกันหน่อยว่า Small Data มันต่างจาก Big Data อย่างไรครับ Category Small Data Big Data Data Sources (แหล่งข้อมูล) Transaction แหล่งข้อมูลจากระบบงานต่างๆ แหล่งข้อมูลนอกเหนือจากระบบงานที่มี เช่น Log, Social Data Volume (จำนวนข้อมูล) Megabytes (106)Gigabytes (109)Terabytes (1012) Terabytes (1012)Petabytes (1015)Exabytes (1018)Zettabytes (1021) Velocity (ความต้องการใช้ข้อมูล) Batch, Periodic, Near Real Real Time Variety (ความหลากหลาย) Structure Data Structure Data และ Unstructure Data…

สับสน เมื่อจะเริ่มเรียนปริญญาโท

ยอมรับเลย ว่าปีนี้ 2559 หาข้อมูล ป โท ช้ามากกก เน้นทำงานมากเกินไป จนเพื่อมาหาข้อมูลจริงเกี่ยวกับ ป โท คือ ช่วงวันที่ 27-30 เมษายน เอง เวลาที่น้อยย่อมทำให้เราตัดสินใจพลาดได้ง่ายๆ สำหรับผมลังเลระหว่าง Computer Science กับ Software Engineering อยู่เลย และท้ายที่สุดผมลองเลือก ป.โท CS ของ จุฬา ไปสมัครในวันสุดท้ายเลย เนื่องจากตอน ป ตรี เรียน CS มา แต่พอมาคิดๆอีกที่แล้ว เรายังตอบตัวเองไม่ได้ว่า แต่พอลองมองย้อนกลับมาคิดดีๆ ได้ปรึกษากับอาจารย์ตอนคิดหัวข้อ Thesis และปรึกษาเพื่อน พี่ๆแล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่ผมอยากรู้จริงๆ ผมควรเรียน Software Engineering ครับ เพราะ เจอกันตอนปีหน้าครับ ปีนี้สมัคร Software Engineering ไม่ทันและ T___T เวลา มัน หวน กลับ ไม่ได้ คิดให้เยอะๆ ก่อนเรียนนะครับ เวลา เงิน และทรัพยากรที่เสียไป สำหรับผมที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ดูแลแม่กับส่งน้องเรียนแล้ว มันสูงค่ามากๆ ครับ

สรุปงาน Big Data Conference 2016

เมื่อวาน ผมได้ไปหางาน Big Data Conference ไปหา Idea ใหม่ และหาคำตอบให้กับตัวเอง ด้วยว่าเราเรียน ป โท Computer Science ที่จุฬา ดีไหม ? มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ Section 1: Going Intersteller?: The Truth Behind the Cloud โดยคุณ Rawitat Pulum อะไร คือ big data เราสนใจอะไร ทาง อ มองต่างจาก 3V มาเป็น 4S ย้อนกลับไปในยุคแรกๆ ของ digital ปี 1980 เรามองพ Structure ก่อน พวก ER-Diagram นั้นแหละ แล้วเอา Data ยัดเข้าไป เพื่อจัดเก็บและค้นหาแหละ ประเด็นอื่นที่ต้องสนใจ Small Data vs Big Data และ Structure & Data Immutable vs Mutable Session 2: Manage & Monitor Hadoop cluster with Apache Ambari โดยคุณ Charnsilp Chinprasert Apache Ambari มาช่วยจัดการ Hadoop เพื่อใช้ช่วย Session 3+4: Real time log monitoring+Log Design for WebApp โดยคุณ ศุภเกศ วงศ์คำภู และ Wittawas Wisarnkanchana เนื่องจากเห็นว่า 2 หัวข้อนี้ มันคล้ายกัน เลยขอยุบรวมกันดีกว่า…

การออกแบบสะท้อน ถึงโครงสร้างและวัฒนธรรมขององค์กร

พอดีนั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับตัว Technical Debt แล้วเจอตัวนี้เข้า ใช่เลย “Software Design mirrors the [Organizational and social] structure of the organization that builds it” “การออกแบบซอฟต์แวร์สะท้อน ถึงโครงสร้างและวัฒนธรรมขององค์กร ที่สร้างมัน” ลองดู Product ที่อยู่รอบตัวเราก็ได้ครับ อย่าง Google, Facebook และ Microsoft เป็นต้นครับ ทุกอย่างมีสไตล์การพัฒนาของตัวเอง อย่าง Google ทุกอย่างดูเรียบง่าย และไปในทางเดียวกันทุก Product แต่ฝั่ง Microsoft ที่เมื่อก่อนแต่ละ Product นี้ไปันคนละแนวเลยย (หลังๆ เริ่มดีขึ้น เมื่อมาอยู่ในยุคของคุณ Satya Nadella ครับ) ที่นี้ลองกับไปดูงานที่เรากำลังทำอยู่บ้าง ถ้ามีทีมพัฒนา 2 ทีม (มองว่ามากกว่า 2 คนก็ได้ครับ) รูปแบบของ Software น่าจะมีความหลากหลายทางพันธุกรรมแล้ว อาจจะ แม้ว่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน ? จากความเข้าใจของ BA, SA, และ DEV ครับ