ของผมเพิ่งเข้าคอมมาจดหลังจาก Live ไปนิดนึง อาจจะมีต่อหล่นไปบ้างครับ วันนี้คุณหนอม TAXBugnoms และ คุณทอย DataRockie มาคุยในหัวข้อ รู้ 9 ข้อนี้ การเงินน่าจะดีขึ้นมั้ง ?
เหมาะสำหรับเด็กจบใหม่ หรือทำงานมานานแล้ว มาทำเข้าใจเรื่อง Money Literacy (ความฉลาดทางการเงิน) สมัยผมเรียนไม่มีสอน มาเพิ่งรู้ตอนทำงานไปปีนึง และตอนจะเสียภาษีครับ
เรื่องการเงินควรจะจูน ให้คุยการภายในครอบครัวได้ด้วยนะ คุยกันได้ปกติ จะได้ช่วยกัน Recheck
the science of getting rich - เราต้องรอดก่อน มีพอใช้ ถึงจะช่วยเหลือคนอื่นๆได้ (คิดว่าเราทำได้ ตั้งใจ ลงมือทำ และแบ่งปัน)
รู้ 9 ข้อนี้ การเงินน่าจะดีขึ้นมั้ง ? มีอะไรบ้าง ผมจดๆมาดังนี้
1. เข้าใจสภาพคล่อง
- บัตรเครดิต มันเหมือนเหยื่อล่อ เราต้องใช้ให้เป็น ปัญหาการที่ส่วนใหญ่เจอ ตอนจ่ายเงินตอนสิ้นเดือน
ส่วนผมไม่มีบัตรเครดิต นะเคยโดนดูถูกโดนเอาบัตรขว้างใส่หน้า เมื่อหลายปีก่อนเลยอคติไว้ - ถ้าจะคุมตรงนี้ เราต้องรู้ก่อน ว่าเราจ่ายอะไรไป รู้ว่าอะไรจำเป็น/ไม่จำเป็น
ผมเองหนังสือดอง ครอสดอง 5555 จริงวันนี้ก่อนมาฟัง live Plan ว่าจะเรียน เขียน Blog - การจะนับว่าสภาพคล่องมีอะไร ดูจากนี้ได้เลย
- สถานการณ์ปกติ - รายจ่าย / เงินเก็บ
- เคสพิเศษ เช่น
โดน LayOff ต้องมาคิดสำรองถ้าไม่มีรายได้กี่เดือน เงินส่วนนี้ต้องเป็นเงินพร้อมใช้ ไม่ใช่เงินลงทุนนะ
อนาคต จ่ายประกัน / ซื้อรถ
เงินสำรองที่เป็นเงินพร้อมใช้ ขึ้นกับความสบายใจ บางคนอาจจะบัญชีออมทรัพย์ / ฝากประจำ หรือ Money Market Fund ต้องเวลาว่าเรารอแค่ไหน เมื่อใช้เงินกี่วัน
2. แยกเงินให้เป็น - ออม หนี้ จ่าย
เราจะรู้ได้ยังไง ต้องทำ ทำบัญชีรายรับรายจ่าย แต่ช่วยแก้ปัญหาได้ไหม
- จดแล้ว ต้องมีการปรับตัวด้วย
- จดแล้ว เอามา Prediction วางแผนล่วงหน้าด้วยนะ
- ตั้ง Budget ไว้ มีกระเป๋าเงินแยกตามจุดประสงค์ แยกหลายกระเป๋า เช่น ออม / ใช้ส่วนตัว ฉุกเฉิน / รายจ่ายประจำ บัตรเครดิต ค่าน้ำ ค่าไฟ / ครอบครัว
หลาย App มีทำนะ Kept / Made by KBANK
ผมเอง เมื่อก่อนทำงาน 4-5 ปีแรกก็จดนะ ใช้ App MoneyLove แต่หลังๆงานมันเยอะเลยใช้วิธีหักไว้ก่อน โอนออกไปบัญชีอื่นๆ ใช้เท่าที่เหลือ ในบัญชีเงินเดือน - ปรับให้เข้า Style ตัวเอง แต่หักก่อนใช้ช่วยเราได้ดีกว่านะ - หรือ อีกแบบจัดการกับกิเลสตัวเอง แยกบัญชีกิเลส / คุมกิเลส
- ปรับให้เข้า Style ตัวเอง แต่หักก่อนใช้ช่วยเราได้ดีกว่านะ
- หรือ อีกแบบจัดการกับกิเลสตัวเอง แยกบัญชีกิเลส / คุมกิเลส มาดูว่าของที่เรามีอารมณ์ชั่ววูบไปได้ใช้ไหม หรือกองไว้
ตรวจสอบพฤติกรรมตัวเองให้ชัด
- วิธีจ่าย พวกบัตรเครดิต QR มันง่ายไป หรือ พวก Auto Complete เงินมันไปง่าย เราต้องทำให้ยากขึ้น เช่น เอา Auto Complete จำบัตร ออกไป หรือ ไปใช้เงินสดแทน
- เบิกเงินสด ให้เงินออกยากขึ้น และเห็นความยาก และปริมาณของมัน
- จดบันทึก - จดเพื่อเอามาปรับปรุง อย่าจดเฉยๆ
3. ใช้สิ่งที่คนอื่นให้ - รู้สิทธิที่เราควรจะได้รับ จากงาน/ประชาชน
- กองทุน PVD บางบริษัทมีให้ แต่เราเข้าใจการลงทุน ความเสี่ยง เลือก Plan ให้เหมาะสม และ ติดตามด้วยนะ
PVD ไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทใหญ่นะ คนน้อยก็ทำได้นะ
- สวัสดิการ -ประกันกลุ่ม เบิกค่าเล่าเรียน / เลี้ยงข้าวเที่ยง เป็นต้น
- ประกันสังคม
- อื่นๆ พวก 30 บาท อ๋อบัตรทอง
สิทธิของตัวเอง และครอบครัวด้วยนะ เช่น เคสแม่ป่วย เราอาจจะหาสิทธิมาช่วยลดรายจ่าย เช่น ประกันสังคม / 30 บาท หรือถ้ายังไม่เกิดขึ้นทำประกันไว้
ตอนเลือกงาน ต้องดูพวกนี้ด้วย กลับมามองตัวเอง ใช้คอมส่วนตัวพังไป 3-4 เครื่อง รอไป 9 ปี กว่าจะได้คอมบริษัท
คุณทอยเล่าว่าที่อังกฤษมีกอง NHS ช่วยเอา 10% ของ GDP มาช่วยการรักษา แสดงว่าเราไปที่ไหน ต้องหาสิทธิไว้ด้วยถ้าไม่มีต้องหาประกัน Cover
4. ลดความเสี่ยง
- ประกัน สุขภาพ (จ่ายทิ้งลดความเสี่ยง) / สะสมทรัพย์ (ถ้าเราอยู่จนถึง ได้เงินเป็นก้อน) / รถยนต์ / บ้าน เป็นต้น
- การลงทุน จัดให้เหมาะสม ทั้ง กองทุน / PVD / หรือไปทางหุ้น ต้องเข้าใจว่า High Risk, High (expected) return
Product ทางการเงิน เราไม่ควรพูดว่าอะไรดีกว่าอะไร ทุกอย่างมันมีความเสี่ยง มี Trade Off หมด เช่น ประกันสุขภาพ / ประกัน Unit Link / กองทุนลดหย่อนภาษี / ลงหุ้น ไม่มีอะไรมาทดแทนกันได้
ใช้ให้ถูกกับงาน และความเหมาะสม
- การมี CFP (Cert การเงิน) เป็นเรื่องที่ดีนะ เรียนไปและลงทุนไป
- เมืองนอก เอาไปรับ Job ทำแผนการเงิน หารายได้นะ
- เมื่องไทย อาจจะยากหน่อย มีโอกาศได้ ค่าคอมจาก Product การเงินที่ดูแล - Asset Allocation ตามภาระที่มี และความเสี่ยงที่มีในช่วงเวลาต่างๆ
5. รู้เป้าหมาย - เก็บเงินเพื่อ
- เรียนต่อ - ของผมพอและ 55 จบโทแล้วหัวฟูครับ
- แต่งงาน
- ซื้อบ้าน วางแผนว่าอยู่นานแต่ไหน หรือ อาจจะต้องเผื่อ Exit Plan ด้วย ว่า ถ้าต้องขายต้องทำยังไง และมีอีกเทรน เช่า แทนการซื่อ รามิตร เศรษฐี (Ramit Sethi) - หนังสือ How to Get Rich
- เกษียณ
การมีหนี้ ควรให้อยู่ใน 25-50% ของรายได้ ในแต่ละเดือน ต้อง Trade Off และจัดความสำคัญ ก่อนก่อหนี้
พออายุมากขึ้น เป้าหมายเราจะชัดขึ้น ตอนเด็ก อาจจะเขียนได้เยอะ พอโตขึ้น ผ่านโลกมากขึ้น เราจะ List ได้ชัดเจนขึ้น
- กำหนดเป้าหมาย + กำหนดระยะเวลา ด้วยนะ จะได้จัดแผนการลงทุนให้เหมาะสม + ภาระรอบตัว ณ เวลานั้น เงินเย็น เงินร้อน และเงินถั่ว (อันหลังผมเติมเองนะ ทำงานเพื่อหาเงินมาถัว)
- ลองได้ แต่ต้องจำกัดความเสียหายไว้ด้วย (ปล. นิยามเสี่ยง เราต้องเข้าใจกับ Product นั้นๆ และ แยกให้ออก การลงทุน กับการพนัน)
ถ้าเราเป็น The แบก เราต้องรู้นะว่าไหวแค่ไหนนะ ไม่ใช่รับมาหมดนะ มันคิดเยอะ มีความเสี่ยงที่ต้องเผื่อด้วยนะ เช่น เราป่วย ทำงานไม่ได้ระยะนึง เป็นต้น
6. เกษียณเมื่อไหร่ ?
หลังจากเกษียณ เราจะมีเงินเท่าไหร่ เพราะอนาคตเราต้องมีเงิน เกษียณ
- หลังจากไม่มีแรงทำงานแล้ว อาจจะอายุ 60-70
- หรือ เคสพิเศษเจ็บป่วย
แล้วเราต้องมีเพียงพอใช้ชีวิตไปได้กี่ปี จะลงทุนแบบ Passive / Active เพื่อให้ได้ตามที่วางแผนว่าจะมีชีวิตหลังจากนี้เท่าไหร่
7. ลงทุนยังไง
Asset Allocation - กระจายความเสี่ยง ความคล่องตัว มีหลาย Product ทางการเงินมากมายนะ
ให้ความรู้ตัวเองก่อน รู้ก่อน เข้าใจก่อน เจ็บน้อยกว่า >> ความรู้ของ SET "เงินทองต้องวางแผน"
ถ้าไม่รู้ แต่อย่ารีบ ลงน้อยๆ มี Limit ให้เราเข้าใจก่อน อย่างตามกระแส เดี๋ยวติดดอย หรือ เจอ RUG Pull
ระวังเรื่องขาดทุน อย่าให้มากกว่าเงินเฟ้อนะ อุ้ยเจ็บบบบบบบบอ่า
8. วางแผนภาษี
ภาษีเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ แค่ระวังทำให้ถูกกฏหมายด้วยนะ ถ้าอยากจ่ายน้อยลงให้หาช่องทางที่เตรียมไว้ให้ กองทุนลดหยอน บราๆ
แต่การจะลดหย่อนได้ เราต้องมีเงินส่วนนี้มาลดนะ และเข้าใจฐานภาษีด้วยนะ
NOTE: ทำไมภาษีนิติบุคคล น้อยกว่าภาษีส่วนบุคคล เพราะอยากให้คนเราเป็นเถ้าแก่ ทำบริษัท เพราะระบบบริษัทมันตรวจสอบข้อมูลได้ง่ายกว่า
ถ้ามีการลงทุน มีพวกเครดิตภาษีเงินปันผล ให้ศึกษาเพิ่มเติม
9. ระยะทางนั้นยาว
เริ่มวันนี้ และต้องหมั่นตรวจสอบ ในสาย IT จะมีคำ Observability เราติดตาม มีวินัย และควบคุมในส่วนตัวเอง และเผื่อปัจจัยอื่นๆ ที่เราคุมไม่ได้ด้วย
Reference
Discover more from naiwaen@DebuggingSoft
Subscribe to get the latest posts sent to your email.