ชวนมาเรียนกัน How to Become a Top Performer

เห็นเพื่อนพี่ๆ หลายคนมี Share Course นี้ ผ่าน Social Media ต่างๆ ได้เวลาที่เราต้องลองมาเรียนดูแล้ว สำหรับ Course ฟรีจาก Skooldio How to Become a Top Performer โดยผมมีสรุป Key Message มาแล้ว ดังนี้

Fundamental (Core)

  1. Ownership - รู้สึกมีส่วนร่วมในการสร้างงานชิ้นนั้นๆขึึ้นมา ไม่ยอมแพ้จนกว่างานจะสำเร็จ
    สร้างยังไง - องค์กร mission ที่เร้าใจ มีจุดหมายในการสื่อสารชัดเจน และ พนักงานต้องมี Spirit ด้วยนะ เข้าใจสารที่สื่อมาจากหัวหน้า ผู้บริหารว่ากำลังทำอะไร
  2. Expertise มีประสบการณ์สะสม แต่ต้องไม่เป็นคนที่น้ำเต็มแก้วนะ รู้สึก รู้จริง เป็น ห้องสมุดเคลื่อนที่ พร้อมถ่ายทอด พร้อมรับสิ่งใหม่ๆด้วย
    สร้างยังไง - องค์กร ให้โอกาสที่เจองานท้าทาย และมี Infra ให้พร้อมเรียนรู้เพิ่มด้วย เครื่องมือ + course เป็นต้น พนักงาน ใฝ่รู้ อยากรู้ลึกด้วย
  3. High Work Quality มันมาจากข้อ 1 เลย และต้องเข้าใจ Scope งานชัดเจนด้วย ทำให้คนที่ใช้ต่อไม่มีปัญหา
    สร้างยังไง - องค์กร มีมาตรฐานสูงไว้ก่อน แต่ต้องมีการวัดที่ชัดเจนด้วยนะ อย่าไปใช้ความรู้สึก
  4. Grit ทน มุ่งมั่นสู้งาน รับการเปลี่ยงแปลงได้ตลอด เช่น Busines เปลี่ยน
    สร้างยังไง - องค์กร เรียนรู้จากคนที่มีประสบการณ์ว่ามี Trick หรือ แนวทางอย่างไร
  5. High Impact [ข้อนี้สำคัญที่สุด] ทำอะไรที่มันว้าว มีคุณค่าสุดๆ ต่อทีม องค์กร หรือ End User เช่น หา Insight จาก Data และเสนอแนวทางลด Cost หรือในมุมอย่าง HR หาคนที่มจากองค์กรใหญ่มา Join ได้เป็นต้น
    High Impact รู้ได้ไง วัดจากอะไร >> จากคนรอบข้าง เช่น user หรือ เพื่อนร่วมงาน เป็นต้น

Add-Ons

  1. Speed ปรับตัวเร็ว คิดแล้วทำทันที ทำแล้วทำให้เสร็จ เสร็จแล้วเรียนรู้จากข้อผิดพลาด
    NOTE - ต้องสร้างสมดุลระหว่าง Speed และ High Work Quality (Done is greater than Perfect)
    สร้างยังไง - Priority Task เพื่อลด Switching Cost ผมชอบคำนี้นะ บางทีเราจะเร็วขึ้นได้ เราต้องช้าลง และ Focus งานที่มา อาจจะต้องกระจายด้วยให้ทีม หรือคนอื่นๆเข้ามาข่วยด้วย
  2. Proactiveness มีความคิดริเริ่ม และชอบนำเสนอ ชี้ Pain point จริงๆ + Solution ทำให้ทีม/องค์กร ดีขึ้นได้
    NOTE - ต้องดูงานตัวเองให้เรียบร้อยระดับนึงก่อนนะ
  3. Generosity มาจากเราต้องมี Expertise และมีจิตอาสาใจกว้าง, ความใจดี ช่วยเหลือแบบมี Limit ต้องปฏิเสธแบบมีทางเลือกให้ ไม่ได้ Say no แบบทันที โดยเรื่องพวกต้องเรียนรู้จากความเจ็บปวด
  4. Low Maintenance ในแง่ของ People นะ เป็นคนที่ไม่ต้องจุกจิกตามอะไรเยอะ คุย ถก แล้วจบ
    NOTE - ถ้าเงียบเกินไปต้องมีการตามๆด้วยนะ ไม่งั้นเดวจะออกไปพร้อมปัญหาแบบเงียบๆ
  5. Recovery อย่าทำให้ตัวเอง Burnout พักผ่อนให้เพียงพอ / ดูแล เพื่อตัวเอง เช่นออกกำลังกาย หรือทำงานอดิเรก ต่างๆ
    สร้างยังไง - องค์กรไม่คุยงานหลังเลือกงาน หรือมีสวัสดิการต่างๆ และตัวเราเองรู้ Limit แลัวจัดสรรเวลา เพื่อตัวเองด้วย

จาก 10 ข้อทั้งในส่วนของ Fundamental + Add-Ons ส่วนตัวแล้ว ผมแนะนำ Course นี้เลยนะครับ หลังจากอ่าน Blog นี้จบแล้ว ผมว่าต้องไปเรียนนะ มุมมองของผม กับผู้อ่านอาจจะมี Idea เพิ่มเติมได้นะ ซึ่งสำหรับผม ผมมองว่ามันเป็น Check List หรือ กระจกที่สะท้อนตัวตอนของเรา และไปเน้นว่าควรจะเพิ่ม หรือลดตรงไหนครับ ปิดท้ายของ Quote ที่ชอบจาก Course นี้ครับ

ถ้าเราทำงานดี ผลงานที่ดีจะคุ้มครองตัวเราเอง

คุณยอด CEO ของ LINE MAN Wongnai


Discover more from naiwaen@DebuggingSoft

Subscribe to get the latest posts sent to your email.