[PM] Bus Factor – อย่าให้รู้นะว่าเป็นความหวังของหมู่บ้าน

หลายโครงการเวลาเกิดปัญหา หรือทีงสนอะไรที่ยาก และท้าท้าย มันมักจะฮีโร่เข้ามาเป็นควาทหวังของหมู่บ้าน ความหวังของทีมในการแก้ปัญหา แต่ถ้าทุกๆโครงการดันมีฮีโร่เป็นคนเดียวกันหมดหละ !!!!

มันเหมือนอย่างหนัง หรือ การตูนทั่วไปแหละพอมีฮีโร่เพียง 1 คนทุกปัญหาย่อมเกิดขึ้น หากฮีโร่คนนั้นไม่สามารถมาทำงานได้ เห็นไหมว่าเราต้องทีม ทีมอย่าง Avenger เข้ามาร่วมจัดการเหล่าร้าย

ใช่ครับ คนเดียวหัวหาย เป็นทีมดีกว่าครับ จากความหวังหมู่บ้านทำให้ทีมมีจุดแข็ง ก็จะกลายเป็นว่าคนนั้นเป็นจุดศูนย์รวมแห่งความชิบหาย (Single Point of Failure) ด้วยเช่นกันครับ

Ref: https://arschles.com/blog/give-away-your-oss-power/

กลับมาที่ Bus Factor หรืออีกชื่อว่า Truck Factor กันดีกว่า โดยตัว Bus Factor มัน คือ ตัวเลขที่เอาไว้ประเมินความเสี่ยงของโครงการครับ ถ้าฮีโร่คนนั้นหายไป จะมีใครมารับช่วงสายต่องานได้หรือไม่ครับ ทีมสามารถเสียคนได้เท่าไหร่ตัวโครงการถึงหยุดชะงักไปต่อไม่ได้ครับ มันเหมือนระเบิดเวลาดีๆแหละครับ ถ้า Bus Factor ยิ่งน้อยยิ่งเสี่ยงครับ ตัวอย่าง เช่น เรามีทีมทำ Start Up ด้าน FinTech โดยมีทีมทั้งหมด 5 คน แล้วเรากำหนด Bus Factor = 2 นั่นแสดงว่าถ้าเสียลูกทีมไป 2 คน ตัว Start Up ที่ทำอยู่ก็จะมีปัญหา ไม่สามารถดำเนินงานต่อได้ครับ (เคสนี้ถ้าจะให้ดี Bus Factor ควรเป็น 5 ครับ นั่นแสดงว่าทุกคนสามารถทำงานแทนกันได้หมดเลย)

แต่เนื่องจากหลาย Project ประกอบด้วยหลายหน่วยงานครับ บางทีอาจจะต้องประเมิน Bus Factor แยกตามหน่วยครับ เช่น BA / DEV / QA เป็นต้นครับ

แล้วจะป้องกันความเสี่ยงอย่างไร

  • Cross Functional Team - จัดให้คนในทีมสามารถทำงานแทนกันได้ครับ เช่น DEV-QA, BA-QA, PM-QA เป็นต้นครับ
  • Pair Programming - คู่คิดคู่ทำครับ
  • Communicate & Sharing อันนี้ไม่จำเป็นต้องมาจัดประชุมทีมให้ยิ่งใหญ่อลังการครับ ค่อยๆทำทีละนิดก็ได้ครับ
    • เขียน Automate Unit Test
    • เขียน Comment / เอกสาร / วาด Diagram ในส่วนที่มันซับซ้อน
    • Peer-Review เพื่อทำให้คุ้นชินกับ Business / Code / Test Case

ของพวกนี้ในโครงการอาจจะบอกว่ามันเสียเวลา แต่ตอน MA แล้ว มันมีค่ายิ่งกว่าเพชรครับ


Discover more from naiwaen@DebuggingSoft

Subscribe to get the latest posts to your email.