ในบางครั้งเราต้องเขียนโปรแกรมเพื่อจัดการข้อมูลที่สำคัญ และต้องมีสิทธิในการแก้ไข เช่น Registry หรือ ไฟล์ของระบบของ Windows เป็นต้น ซึ่งสิทธิที่ใช้ในการจัดการนี้ คือ Administrator นั้นเอง ปกติแล้วเราจะคลิกขวาแล้วให้โปรแกรม Run As Administrator คราวๆนี้ ถ้าเราพัฒนาโปรแกรมขึ้นมา แล้วให้รันเป็น Administrator โดยมีวิธีการ ดังนี้
จากบทความทั้งสามบทความ หลายคนคงงง และไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร วันนี้ผมมีตัวอย่างโปรแกรมมาทำเป็น Workshop กันครับ เป็นโปรแกรมที่ใช้เพิ่ม หรือแก้ไขข้อมูล OEM ของ Windows นะครับ OEM คือ อะไร Windows OEM คือ อะไร ปกติแล้วข้อมูล OEM เก็บอยู่ที่ไหน HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\CurrentVersion\OEMInformation HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Wow6432Node\Microsoft\Windows\CurrentVersion\OEMInformation ข้อมูล OEMInformation Registry Value คำอธิบาย Manufacturer ชื่อผู้ผลิต Model รุ่น SupportPhone เบอร์โทรศัพท์ Support SupportURL URL ของบริษัท SupportHours…
จากบทความที่สอง เราได้เห็นตัวอย่างการจัดการ Keys และ Subkeys กันแล้ว ต่อไปบทความนี้สอนการใช้งานจริง โดยผมได้เพิ่มคำสั่งที่จำเป็นเพิ่มเติม เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยผมได้แยกกรณีที่จำเป็นต้องใช้ ดังนี้ กรณีที่ 1 : อ่าน Value จาก Registry โดยมีขั้นตอนการทำงาน กรณีที่ 2 : เขียน Value และสร้าง Value โดยมีขั้นตอนการทำงาน กรณีที่ 3 : ลบ Value โดยมีขั้นตอนการทำงาน
จากบทความแรก ผมได้พาผู้อ่านได้รู้จักกับ Registry และคำสั่งพื้นฐานกันมาบ้างแล้ว คราวนี้ผมสอนทำตัวอย่างที่ใช้จัดการ Keys และ Subkeys กันนะครับ(ใช้คำสั่งชุดเดียวกัน) โดยแยกเป็นกรณีต่างๆ ดังนี้ กรณีที่ 1: สร้าง SubKeys หรือ Keys กรณีที่ 2: เปิดและเชื่อมต่อ SubKeys หรือ Keys กรณีที่ 3: ลบ SubKeys หรือ Keys
หลายครั้งที่โปรแกรมของเราต้องการเขียนข้อมูลลงในส่วนที่ลับที่สุด อาทิ เช่น เก็บข้อมูลการลงโปรแกรมครั้งแรก เพื่อข้อมูลวันที่ผู้ใช้ลงงานลงโปรแกรมครั้งแรก และเอามาจับเวลา กรณีที่เป็น shareware วันนี้ผมได้เขียนบทความอ่าน / เขียน Registry คร่าวๆ คำเตือน Registry คือ อะไร
Windows Workflow Foundation เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มาคู่กับ Microsoft .Net Framework 3.0 เป็นต้นไป โดยมีจุดประสงค์ เพื่อตอบการทำงานขององค์กรที่มีการไหลเวียนของข้อมูลในรูปแบบต่างๆ อาทิ เช่น แบบ Sequential: มีการไหลของข้อมูล โดยมีลำดับขั้นตอนแน่นอนจากต้นไปจนจบ ยกตัวอย่าง เช่น ลำดับการขออนุมัติสินเชื่อในธนาคารที่ต้องมีการทำงานของ แต่ละแผนก ซึ่งมีลำดับการทำงาน การตรวจสอบที่แน่นอน แบบ State: ไม่มีลำดับขั้นตอนที่แน่นอน แต่จะเปลี่ยนการกระทำต่อเมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุ้น ยกตัวอย่าง เช่น การตรวจสอบ Limit ของ Transaction ที่รายการซื้อใน แต่ละวันมีปริมาณไม่เท่ากัน และอาจะเกิดเหตุการณ์ต่างๆที่แตกต่างกัน ได้แก่ การแจ้งเตือน หยุดการซื้อ/ขาย หรือ แนะนำให้ผู้ใช้รอก่อน…
