สรุป Hacktoberfest Thailand 2022 (Talk Session)

  • วันนี้มางาน Onsite อีกวัน พอดีเห็นเค้าแชร์กัน แล้วมีหัวข้อที่สนใจพอดีครับ GraalVM / Monorepo
  • งาน Hacktoberfest ผมน่าจะมาครั้งแรกเลย โดยงานนี้จัดที่ Thoughworks Thailand ตึก CP Tower 2 (Fortune Town) ส่วนตัวผมไม่ได้มาที่นี้นานมากกกก หลังจากฝึกงานที่ True ไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อนโน้นเองงง !!!!!
  • การเดินทางต่างจาก 10 ปีก่อนมาครับ อันนี้นั่ง MRT ยาวจากบางขุนนนท์ > MRT พระราม 9 ได้เลย

Hacktoberfest คือ อะไร ?

  • งานที่ช่วยส่งเสริมให้ทุกคนมา contribute open source ใดๆ โดยมีกฏว่าถ้าใครส่ง pull request แล้ว accept 4 อัน ระหว่าง 26-SEP-2022 ถึง 31-SEP-2022 จะได้เสื้อจาก GitHub ไป
  • รายละเอียดเพิ่มเติมตามนี้ >> Participation | Hacktoberfest 2022
  • ส่วนของผม เพิ่งมารู้ มุดอยู่ในหลุมมานาน ปีนี้ของ Contribute เป็น Blog นี้แทนนะครับ ถ้าชอบกดแชร์ได้นะ 55

Talk Session

🔍How to contribute tech community with your blog by Monthira Chayabanjonglerd
  • Developer อย่างเราๆ Contribute อะไรให้ Community ได้
    • Open source - เข้าไปช่วยแก้ Code หรือเพิ่ม Feature เข้าไป
    • Support – ช่วยตอบใน Community เช่น Stackoverflow หรือจะตอบคำถามในกลุ่ม Facebook ก็ได้
    • หรือ มาสายทำ Content – blog / vdo / live สอน เป็นต้น
  • Why Blog เพราะ
    • เริ่มต้นได้ง่าย Text + Photo / Less Cost / ไม่ต้องอายด้วย
    • SEO – Search Google หาเราเจอ หรือจะแชร์ให้ Network ช่วยแชร์
  • เริ่มต้นด้วย Medium เพราะ easy / free (no hosting) / social blog / seo ready / developer well-known (ช่วงนี้จะมี dev.to มาแรงด้วยนะ)
  • Topic มาเขียน Blog มาจากไหน ?
    • เราอยากพูด และมีคนสนใจด้วย
    • New Topic ไม่มีคนเขียน แต่เรา research มาแล้ว
    • Be difference หรือ มีคนเขียนมาแล้ว หาจุดเสริม //ส่วนตัวถ้าเขียน Blog สรุปงาน ถ้าเจอของคนอื่นที่เขียนดีกว่า ผมใช้วิธี Refer ไปหานะ
    • Work without policy - Blog ต้องระวังข้อมูลที่ Sensitive เช่น Log จากทื่ทำงานแปะมาอธิบาย อันนี้ต้องระวังด้วย หรือความลับขององค์กร //ขอบคุณ Speaker มากครับ พิมพ์ตกไป
    • สรุป Event / meetup '
Structure
- Topic – กระชับรัดกุมไม่ clickbait / มา hook คนเข้ามาอ่าน
- Introduction
- Key message 1 – อาจจะทำ header มาแบ่งให้อ่านง่าย
--> Key message 1.1
- Key message 2 
- Key message 3 
- Summary

Note ไม่มี Pattern ตายตัวนะ ถ้าเป็นงาน Meetup อาจจะเล่า การเดินทาง ค่อยมาสรุปแต่ละเรื่อง และ Summary ก็ได้
  • Structure
    • รูป cover สำคัญ เหมือนกันนะ - เวลาแชร์ มันจะดึงดูดคนให้กดอ่าน
    • สาย Dev ถ้ามีแปะ Code ถ้ามาเป็นยาวๆ ใช้ gist ของ github หรือ syntax highlight มาช่วยจะได้อ่านง่าย
    • ทำเพจจะได้เห็น stat ด้วยนะ ว่าได้ Engage เท่าไหร่ แชร์ไปเท่าไหร่ จะว่าไป Blog นี้เหมือนจะมีเพจมั้ง 555555
  • Chance
    • ตัวเอง - จดไว้จำ เผื่ออนาคตเจอติดปัญหา Google เจอ /  แชร์ให้เพื่อนๆ
    • องค์กร - บางอันองค์กรเอาไป PR ได้ด้วย Medium ได้ด้วยนะ ยกตัวอย่าง เช่น Ascend Developers (ascendcorp.com)
    • ต่อไปสร้างโอกาส Support Community หรือขยับเป็น Speaker ได้
  • Q/A
    • Q: เริ่มต้น Medium หรือ Blog ตัวเอง
      A: เริ่มต้นง่ายๆก่อน และค่อยขยับขยาย
    • Q: เขียนแล้วไม่กล้า publish ทำยังไง ?
      A: ให้เพื่อนอ่านก่อน ต้องลองสักครั้ง //ของผมเองนะ ตั้งเวลาเลย แล้วมันจะมืนๆตอนแจ้งเตือนกรูเขียนอะไรไป Revise ด่วนๆ
  • Blog ของ Speaker ครับ MikkiPastel / Minseo Chayabanjonglerd – Medium
⚡️มาเขียนหนังสือ The Data Engineering Book สำหรับคนไทยเพื่อคนไทยกัน by Athibet Prawane
  • Software กับ Data เป็นอะไรที่มาคู่กันเสมอ เช่น การโพส FB / Like VDO เป็นต้น
  • แนวคิดมาจากคุณ กานต์ อุ่ยวิรัช
    • เห็นว่าทุกองค์กรเจอปัญหาว่ามี Data แต่ Data ไม่พร้อมใช้ Data Engineering มาช่วยแก้ไขปัญหานี้ ทำให้ข้อมูลที่พร้อมใช้งาน
    • ปัจจุบัน สายงาน Data กำลังมาแรง พอๆกับ Software เลย เลยอยากมีหนังสือเพื่อให้มีพื้นฐานด้าน Data Eng ที่ดี
    • การเรียนรู้ที่ดี วิธีหนึ่งการอ่านหนังสือ และทำเป็นภาษาไทยให้ง่าย
  • เขียนแล้วได้อะไร – บุญ ได้research แชร์ความรู้ และมุมมองเพิ่ม ช่วยจัดระบบความคิดของเราด้วย
  • อ่านได้ที่ไหน www.thedataengineeringbook.online มีหลายหัวข้อเลย เช่น tools / คำสำคัญ หรือ การทำ data pipeline เป็นต้น
  • ถ้าหากใครต้องการมาช่วย contribute ก็สามารถเปิด PR (Freedom)ได้เลย ตาม
  • ถ้าคิดอะไรไม่ออก ก็ให้ลองนึกถึง McDonald’s Theory - เป็น Campaign การตลาด คดอะไรไม่ออก McDonald’s สิ แต่ไปๆมาๆ คนไปหาอย่างอื่นกินแทน
👾 Joy UI, React components that spark joy. by Siriwat Kunaporn (จุ้น)
  • Joy UI เป็น React UI Component ทีมพัฒนาเขียนกับ Library Material UI จาก บ MUI ตอนนี้มี 3 ส่วน
    • Core (Free) Joy UI / Material UI / MUI Base / MUI System
    • X Mit (เข้าใจว่า UI Component แบบ DevExpress นะ) พวก Data Grid / Chart / TreeView เป็นต้น
    • Toolpad ส่วน Low Code
  • ทำไมต้อง Joy UI
    • แก้ปัญหาที่ขัดใจของ Material UI ที่ component ที่ทำตาม Material Design ของ Google ทำให้ Custom ยาก
    • เกิดตัว Joy UI ตามมามาช่วย Dev Front-End ปรับตาม Design ของ Designer ได้สะดวกขึ้น
    • วันนี้ Speaker จะมายกตัวอย่าง Joy UI Color (ปล่อย public ในเร็วๆนี้) - Color inversion (น่าจะเขียนถูกมั้ง)
  • Joy UI Color inversion
    • ปรับ contrasts ให้มันเหมาะ แก้ Background แล้ว มันปรับ Text ให้ และส่วนอื่นๆภายใน component ให้สีมันล้อกัน
    • เริ่ม Design ยังไง Research design ต่างๆในปัจจุบัน พบสี 4 Pattern
      • Text Color
      • Text with color
      • Soft Background
      • Strong Background with text มาดึงดูด ให้คนกด Action ได้ง่าย
    • เอาสี pattern มานำสายตา เพื่อ Guideline การใข้งาน แต่ในปัจจุบันยังไม่มีคนทำมา เลยเป็น Feature นึงของ Joy UI เพื่อให้ Code สะดวก มี property variant เช่น soft / plain / solid) และ color
  • ช่วยแปลง Design > Code ได้ง่ายขึ้น เบื้องหลัง Joy UI css 99% (CSS Variable) + JavaScript
  • พอใช้ Lib นี้จากเดิม ถ้าต้อง Custom Design ตัว Bundle Size จะใหญ่ขึ้น เพราะไปแก้ทุกจุด พอใช้ Library นี้จะช่วยลด Bundle Size ได้ และพอแก้ Code น้อยตอนทำ Code Review จะง่ายขึ้นด้วย
  • Resource: Overview - Joy UI (mui.com) / React ไปวันๆ | Facebook
🧠 The rise journey of BCI (Brain-Computer Interface) by Isaman Sangbamrung (Tao)
  1. BCI คืออะไร
    • ปกติเราใข้เมาส์ keyboard มาวันนี้ใช้สมองเลย ตอนนี้เรามาใช้สมองสั่งตรวจเลย ตอนแรกที่ฟังผมนึกถึง Ghost in The Shell ที่มันแงะสมองไปใช้กล่องหุ้ม และมาเป็น Cyber Brain
Brainwave + Electrode 64 จุด
  1. ถ้าเราจะเริ่มต้นพัฒนา BCI ต้องเริ่มอย่างไร
    • Brainwave + Electrode – ที่รับสัญญาณจากสมอง ยิ่ง channel เยอะจะยิ่งแพง ส่งข้อมูลเข้าคอมผ่าน Bluetooth หริอถ้าไม่มี Hardware ใข้ public data ของคลื่นสมองมาลองใช้ได้
    • Software แปลงสัญญาณสมอง มาเป็นคำสั่งให้ทำงาน
  2. BCI ถูกเอาไปใช้กับอุตสาหกรรมไหนแล้วบ้าง
    • การแพทย์ อย่างที่ผู้นำเสนอ มาใช้กับงานด้านกายภาพบำบัด แต่ต้องระวังการลอง เพราะต้องมีคุณหมอปนะกบด้วย
    • อุตสาหกรรมเกม – สวมหัว และเล่นเกม
    • การศึกษา – อย่างที่จีน เอามาดู Emotional ของเด็กตอนเรียนชอบวิชาไหน และ แนะแนว แต่ถ้าอีกด้านน่ากลัวจริงๆ
    • Neuralink ของ Elon Mark ลงมาเล่นด้านนี้นะ เอามาใช้ควบคุม อุปกรณ์ computer ระยะไกล
    • หรือ Brain Speech to text นอนคิด และมันแปลง text ไป search จาก Facebook
  3. อนาคตของ BCI จะเป็นอย่างไร
    • Metaverse เป็นเทรนที่ช่วย BCI อยู่ แต่ค'ต้องรออีกสักระยะ เพราะ hardware ยังแพงอยู่
🔺Prisma ORM Contribution by จารุพงศ์ ปะจักโก
  • Prisma คือ อะไร ? - เป็น ORM โดยมี Tools ดังนี้
    • Prisma Client - Auto Generate Code ที่เป็น Typesafe จะได้ตัดปัญหาจุกจิกตอนต่อ DB ของ Node.js และ TypeScript
    • Prisma Migrate - ตัวช่วย Migrate ก็กรณีที่แก้ไข Database
    • Prima Studio - ตัว Query แบบ GUI เลย
    • Prisma Query Engine - direct interface to the database เขียนโดย Rust ใช้ Node API มาช่วย ตัว Prisme Client เรียกผ่านอันนี้
  • เริ่ม Contribute ให้ Community ได้อย่างไร ?
    1. EVERYONE in the community is your friend
    2. Play and Try to break Prisma
      - พยายามหา Bug ให้เจอ เจอก่อนเสี่ยงน้อยกว่าตอนลง Production
    3. Understand what you have done
      - เข้าใจว่าทำอะไรไป อาจจะต้องลอง Code มารันนะ
    4. Explain to yourself what you understand and explain to others
      - ต่อจากข้อ 3 เราเข้าใจแล้ว ต้องบอกให้ Community ด้วยนะ เหมือนตอนสอนเพื่อนเขียน Code
    5. Define your own rule or technique that you can make your Prisma query simpler
      - ถ้ามี Idea ใหม่ แชร์ให้ Community รู้ด้วยนะ จะได้ Discuss กัน
    6. Try to understand what others person in community issue and try to find solution for them
      - ค่อยๆ ถาม แม้ว่าจะส่ง Error แปะลอยๆมาก่อน เร อาจจะคุยเพิ่มถาม Code ดูถ้า Confidential อาจจะมีตกลง Sign NDA เพิ่มเติม
    7. Calm down and ask more questions for information that will help you to understand others perspective and problems
      - จากข้อ 6 ใจเย็นๆลง จะได้เห็นมุมของปัญหาชัดเจน เพราะบางที Solution ที่เราแนะนำไป อาจจะไม่ได้ที่สุด หรือมีข้อผิดพลาดที่มองไม่เห็น
    8. Alway use DEV version to check regression bugs or issues
      - ใช้ DEV version เพื่อหาเคสแปลกๆ ตัวอย่างทื่ Speaker เล่า Run Migrate Prisma 3.) > 4.3 เจอว่าช้าลง และใช้ resource เพิ่มขึ้น พอแจ้ง community ไป คุยกัน
  • Contribute Open-Source ช่วยยังไง ?
    • มีความสุข ช่วยเราเอง และเค้าเอง ได้ประโยชน์ทั้งคู่ Win-Win
  • Q&A
    • Q: ถ้าจะเริ่มทำ Open-Source เริ่มยังไง
      A: ดูก่อนว่าเราชอบอะไร งานด้าน Database ต่อไปใน Repo ดูว่า doc เค้ามีอะไรบ้าง มี conversion ข้อตกลงอะไรบ้าง จากนั้นดูสิ่งที่ทำได้ ทั้ง Feature / Bugs อาจจะเปิด issue นำเสนอไปก่อน ให้เกิด discussion
    • Q: ถ้าอยากเพิ่ม Feature ทำยังไง ? เอา Code ใส่มาเลย และเปิด PR ไหม
      A: ส่วนใหญ่ maintainer nice มี review แนะนำ อาจจะสอบถาม ถ้าไม่เข้าใจ แต่บางทีเจอแบบร้ายๆ แต่ถ้าทำแบบนั้นมันก็กระจกสะท้อนตัวเรานะ
  • กิจกรรมมีให้ลองแก้โจทย์ด้วยนะ annibuliful/hacktoberfest-prisma-challenge: hacktoberfest event 2022 prisma challenge for free sticker (github.com)
  • Resource: Prisma Documentation | Concepts, Guides, and Reference
⚡️GraalVM สัมผัสความแรงส์ในภาษาที่คุ้นเคย by Bhuridech sudsee (ภูริเดช)
  • GraalVM เป็น VM จาก Oracle ที่จะปลดปล่อยความสามารถของภาษาบน JVM เช่น Java ให้เทียบชั้นกับ Native แบบ Golang ได้เลย - ปกติ build java มี 2 แบบ JIT / AOT มาใหม่
  • จุดเด่น / ด้อยของ AOT / JIT
  • JIT ต่างกับ AOT ยัง ?
    • JIT ใช้ javac optimize runtime เปิดช้าหน่อย รอ 5 นาที แล้วให้มันปรับตัว
    • AOT start เร็ว low memory footprint เหมาะกับงาน cloud native
  • JIT ทำงานยังไง ?
    • class > interpreter มาจัดการ byte code โดยพระเอกของเรา
    • C1 ส่วนของ Start อะไรที่ต้อง Start เร็ว มา Compile อีกรอบ และเก็บไว้ Cache
    • C2 long running - Compile + Optimize
  • GraalVM มาข่วย Step ไหน ทดแทนตัว C2 ใน JIT โดยมีข้อดี
    • High Performance
    • AOT Native Image Compilation - Small Footprint (ขนาดเล็กลง ให้ Memory ลดลง) / Fast Startup / Improve Security / Container Support
    • Polyglot Programming - เอาภาษาอีกเขียนยัดเข้าไป อย่าง js
    • และมี Tools มาช่วย debug / monitor
    • Note Java HotSpotVM (C1) และ GraalVM (C2)
  • ใครใข้บ้าง Facebook / twitter ใช้อยู่นะ เร็วขึ้น Community 10% / Enterprise 42%
  • และตัว Popular Web Framework Support
    • QUARKUS
    • MICRONAUT
    • Spring Native //ใช้อยู่ตัวเดียว ที่เหลือเพิ่งรู้ว่ามันมี 555
  • Demo: QUARKUS (Java) เรียก JavaScript แล้วให้มันทำงานได้เลย มี hot reload ด้วย ไม่ต้อง compile ใหม่
  • ข้อจำกัด Build Cross Compilation เช่น ฺBuild จาก CPU intel ต้องใช้กับ intel เท่านั้น + เงื่อนไขของ OS เพิ่มไปด้วย //อาจจะต้องพิจารณาว่าจะไปใช้ที่ Production ไหม
  • Resource: GraalVM
🚀 How Microsoft does open source and why you should contribute to the communities by Jirachai Chansivanon and Phantip Kokilanon
Ref: Microsoft's journey to becoming an open source enterprise with GitHub
  • ทำไม Microsoft มาทำ open source เมื่อก่อนจะไม่ค่อยถูกกันนะ แต่ตอนหลังๆ ทาง Microsoft เปิดรับมากขึ้น adopt ใช้ open source ภายใน project โดยมี project เด่นๆ
    • Visual Studio Code
    • .NET
    • TypeScript
  • แต่จริงๆ Microsoft Open Source มาพักใหญ่ๆ อย่างเช่น ปี 2001 เปิด Code ให้เข้ามา Review นะ แต่มาเด่นยุค Microsoft คนปัจจุบัน คุณ Satya Nadella ที่นำเสนออย่างชัดเจนว่าเราเปิดรับทุกอย่าง
  • เริ่มต้นยังไง ?
    • Microsoft สร้างหน่วยงาน open-source program มาตัวกลางเชื่อมระหว่างภายใน MS กับ community
    • มี Offer ต่างๆ ให้ open-source เช่น ตอนนี้ให้ใช้ Azure อาทิตัว Azure-devops ให้ build นะ
    • มี opensource compliance check project (OpenChain Project) เพื่อช่วยให้องค์กรใข้งานได้สะดวก และไม่ติด policy กฏหมาย
  • GitHub กับ Microsoft 4 ปีผ่านไป เป็นยังไงบ้าง ? //(Microsoft's Open Source Journey: From Calling It a 'Cancer' to Buying GitHub)
  • Open-Source On Azure
    • อย่าง PAAS หลายตัว เช่น AKS / Azure Postgres SQL เป็นต้น และใช้คู่กับ Open Source อื่นๆได้ อย่าง Terraform
    • หรือ VM รัน Linux ได้นะ
  • Emoji มี Open-Source ด้วย เพิ่งรู้ มี Plug-in แปลก vscode_pets เดี๋ยวไปลองเล่นตอนทำงาน 555
  • อ๋อมีช่องทางให้ติดตามข่าวด้าน Dev ด้วยนะ aka.ms/AAil8j1
📦 Monorepo 101 by Kitpipat Jaritwong
  • Repository หรือ Codebase - ที่เก็บ Code จบ จะมีไฟล์หลายๆอย่าว เช่น Config / Source Code
  • เมื่อก่อนทำยังไง ? - มี project แยก repo
- ปัญหาที่พบ
  • Library Resync ของแต่ละ repo ต้องมาไล่ update และทำ versioning ได้ยาก เพราะอาจะมี conflict
@org/app1 -required v1-> @org/Lib1
          -required v1-> @org/Lib2
          -required v1-> @org/dblib
  • Library Duplication - ตัวอย่างที่พบตัว node_module
@org/app1 -required-> @org/Lib1
          -required-> @org/Lib2
          -required-> @org/dblib

@org/app2 -required-> @org/Lib1
          -required-> @org/Lib2
          -required-> @org/dblib
  • จาก Library Duplication แยก Repo ของ Lib1 / Lib2 ออกมา พบว่าต้องมาจัดการยาก + Maintain ด้วย (เอาจริงๆ ตอนนี้ปวดหัวกับ Git Submodule นะ เลยมาฟังเรื่องนี้) และวนกลับ Library Resync
  • จาก Library resync + Library Duplication ถ้าแก้เอา lib ลงมาเลย จะเกิดปัญหา large code base ของทุก App เลย
- Mono Repo
  • org รวม app / lib เข้าไป และตั้งชื่อ package เพื่อแยกออกมา โดยมีจุดเด่น
    1. Architecture
      - แบบเดิม monolith ทุกอย่างเทรวมกัน
      - monorepo แยก share component ที่ใช้ร่วมกันได้
    2. Build ของเดิม Build ที่ละอัน monorepo สามารถทำ Build แบบ Parallel ได้
    3. Caching ของ build รอบแรก ลดเวลา local หรือ remote caching
    4. Distribute execution - แบบ Task แต่ละอันกระจายไปยัง Agents ต่างๆ ได้
    5. Build on changed - มี cache ช่วย
    6. Centralized ไม่ต้อง versioning ทุกอย่างอยู่ใน Workspace เดียว
    7. Analysis build graph มันจะ Link กับข้อที่ 2 ที่แสดง Build Dependencies
  • Q/A
    • Q monorepo ถ้าเริ่ม ต้องไปสร้าง repo ใหม่เลยไหม
      A ไม่ต้อง ตัว monorepo on top มาจาก repository เดิมอีกที
    • Q monorepo ถ้ารวม 3 App เข้ามาแล้ว แต่ Run แค่ 2 App ทำยังไง
      A turboRepo มีคำสั่ง Filter ให้ Package ที่จะ Run ได้
  • monorepo อันนี้ที่ผมเข้าใจ - สร้าง Workspace จัดการกับ Code ทั้งหมด
    • on-top จาก Repository เดิม //น่าจะคล้าย gitflow cli ที่ on top git)
    • โดย Tool ที่ Speaker ใช้ คือ ตัว TurboRepo //Workspace แนวๆ เหมือนเหมือนทำ Solution ของ .NET
  • Resource: Monorepo Explained
🔍Hacktoberfest as maintainer by Thai Pangsakulyanont
  • ได้ review/revise project เก่าๆที่ทำไว้ โดยเปิด issue ทิ้งไว้ อธิบายความต้องการ และมีคนมาช่วยแก้ไข ช่วยนี้ หน้าที่ maintainer review
  • Tips for creating issue มี template ไว้ใชังาน โดยที่คุณไท ใช้มีโครงสร้าง ดังนี้
    • Background - ถ้ามีรูปภาพ ใส่ประกอบด้วยก็ดีนะ
    • Task
      • อธิบายด้วย ว่าให้ช่วยปรับอะไร เช่น จะย้ายจาก Circle CI > GitHub Action
      • ใส่ criteria บอกใน PR ว่า เอาไว้ให้ maintainer เป็นเกณณ์การตรวจรับ
      • ทำเสร็จแล้วใส่รูปประกอบ
    • Hacktoberfest
      • กำหนดกฏเกณฑ์ให้ชัด มีการชี้แจง เช่น ถ้ามี PR มาพร้อมกัน maintainer จะทำอย่างไร
      • ถ้า fork ไปแล้ว แก้แล้ว error ควรจะมีข้อมูลอะไรแจ้ง maintainer เพื่อช่วยเหลือบ้าง
  • Q/A
    • Q: เปิด PR ยังไงไม่ให้โดน maintainer ตอบแบบเจ็บๆ เช่น อยุ่ๆไป Refactor Code
      A: ใจเย็นๆ / contribute อาจจะถามก่อนว่าขอ Feature นี้สะดวกไหม ถ้ามีปัญหาคุยผ่าน discord
    • Q: Confident Gap เปิด PR แต่ไปสร้างปัญหา เช่น Memory Leak
      A: เป็นเรื่อง Psychology แต่พยายามผ่านมันไปได้ และเรียนรู้กับมัน

Lightning Talk (นำเสนอ Project/Repo ที่น่าสนใจ)

จริงๆมีอีกหลายอันเลยนะ งานมันเลิก 2 ทุ่ม ทั้งมาร่วมกัน Code และเปิด PR เข้ากับ REPO ที่สนใจ แต่ผมออกมาก่อน รีบมาซื้อปลาทูให้แมว แหะๆ สำหรับงานวันนี้ได้ Keyword มาหลายตัว ตอบข้อสงสัยตัว GraalVM/Monorepo และมี Docusaurus เหมือนน่าจะมาตอบโจทย์ เรื่องเอกสารในองค์กรที่หาอยู่นะ ทำ Word ไปหายตลอด 555

สุดท้ายผมมีเขียน Medium ด้วยนะ https://medium.com/@pingkunga ตามกันได้คร้าบบ ^_^

งานนี้มี Live ด้วยนะ

Blog ของท่านอื่นๆ

Reference


Discover more from naiwaen@DebuggingSoft

Subscribe to get the latest posts sent to your email.