Agile Bangkok Open space Krungthai-AXA (2016)

สำหรับงานนี้ผมก็ตัดสินใจมางานนี้ น่าจะเกือบวันสุดท้ายเลยมั้ง ตอนนั้นยังมีงานที่ค้างอยู่ แต่ก็ตบตีมันจนขึ้นมาได้ มาเข้าเรื่องดีกว่า งานนี้จัดที่ตึก G-Tower เป็นตึกที่สร้างยังไม่เสร็จดี ใหม่กิ้งๆ แต่วิวที่ชั้น 26 สวยมากครับ (เริ่มอยากทำงานที่ตึกสูงๆ เลยฮ่าๆ) ในงานมี 2 Concept และกันครับ

Lean coffee

  • มัน คือ อะไรหละ - การ Meeting แบบหนึ่งครับ โดยมีขั้นตอน
    • หัวข้อเขียน Post-it มาแปะที่ Board
    • จากนั้นให้ทุกคนมาเลือก (dot) หัวข้อที่สนใจ ทีคนมี 3 dot
    • ทีมงานเลือกมาแปะไว้ที่ ตาราง Kanban (ส่วนตัวติดเรียก Trello มากกว่า 555)
    • ให้คนที่เสนอหัวข้อออกมา โดยมีข้อกำหนด ดังนี้
      • 5 นาที - มาพูด มาแชร์ หรือ Discuss โดยมี facilitator (เขียนถูกปะหว่า) มาจับเวลาให้
      • เมื่อหมดเวลามีการ Vote Thump Up (ได้ไปต่อ), Thump Down(หยุด)
      • ถ้าได้ไปต่อ มีเวลาอีก 3 นาที ครับ
      • แต่ถ้าเรื่องมันยาว มีให้ Vote และทดเวลาอีก 1 นาที ต่อ และสรุป
  • มุมมองมันทำให้การประชุมไม่น่าเบื่อนะ และก็ผู้ที่ออกมา ต้องจัดการเนื้อหาให้ดี
  • หัวข้อใน Lean coffee ครั้งนี้หละ
    • Agile Experience
      • ควรมี Mindset ที่ดี
      • Agile เป็นทั้งศาสตร์ และ ศิลป์ (Art & Science)
      • ผสมกับทั้ง Hard Skill(Technical) กับ Soft Skill(People)
      • Agile การอยู่กับปัจจุบัน
    • Agile in Thai Culture
      • + Team and Collaboration
      • +,- Follow ตามผู้นำ : Agile Leader, Don't have Agile Coach
      • - Seniority (ระบบอาวุโส)
      • - อะไรก็ได้ เกรงใจ ไม่เป็นไร เลื่อนไปก็ได้
    • Agile worklife balance
      • จัดความสำคัญ (Priority) และ รู้ขีดจำกัด(Capacity)
      • ถัดมาวางแผน Plan - Kanban
      • หาอะไรที่เป็นงาน Rountine พยายามปรับปรุงให้มันดีขึ้นอัตโนมัติมากขึ้น
      • Self Manage
    • How to talk with people
      • Retrospective
    • DDD & BDD
      • Domain driven is data driven
      • Top-Down & focus
      • ทำแล้วมีคนใช้จริง
    • How Agile help to find boy/girl friend
      • Finding a real Requirement 55
    • Waterfall vs Agile - ผมมองว่าเหมือนคุยแล้วเป็นการเปลี่ยนจาก Waterfall >> Agile มีหลาย Idea
      • คุยกับ Management ให้ Support !!!
      • ปรับรอบของ Waterfall ให้เล็กลง มองว่าเป็นแต่ละ Sprint ก่อน
      • ปรับจากสิ่งที่ใกล้ๆตัว จากทีมเราเอง
      • เอาแนวคิดต่างๆ มาแก้ปัญหา และทำให้เห็นว่าทำได้ เช่น ทำ Continuous Integration หรือ ให้ลองทำ Unit Test ให้แนวคิดค่อยๆซึมๆลงไป
    • Agile กับงานราชกาล (จงใจเขียนผิดเลยยย)
      • ติดสนิทกับ User ให้ได้ระดับนึง
      • ปรับตัวเราเองให้เข้ากับลูกค้า
      • ซอยงานเป็น Phase ย่อยๆ
      • รู้ว่า KPI ของ User หรืออะไร แล้วปรับงานที่ส่งให้ตรงกับความต้องการลูกค้า
      • ทำให้ Real user พูดแทนเราได้ ว่างานที่ทำจาก TOR มันไม่ Match แต่ User OK กับระบบนะ ให้เค้าเคลียร์กับฝ่าย Audit ได้
      • ใช้ Agile Contract (เขียนถูก หรือป่าวหว่า)

พักเที่ยงมีของกิน ต้องถ่ายซะหน่อย เพราะเป็น Signature ของ Blog นี้ ฮ่าๆ

This slideshow requires JavaScript.

Open Space

20161126_132845

  • เหมือนกับงาน IT ทุกๆงาน คือ ให้คนที่มีหัวข้อมาจอง Slot ครั้งนี้ 25 นาที ในงานทุกคนที่คนที่ใช่ ถ้าฟังแล้วไม่ชอบ ก็เดินไปที่ห้องอื่นครับ
  • มาขายของ และแยกย้ายไปฟัง
  • สำหรับหัวข้อที่ผมไปฟัง
    • Don't Lead Your Team to the Dark Side (Speaker: O)
      • Scrum Master - Master of Scrum (ดูวนไปนะ) ผมมองว่าเป็นสาย Support เหมือนทีมเสบียง หมอ อะไรแนวนี้ โดยมีงานหลัก
        • Technical Skills - อะไรที่เป็น Software Engineering พวก Code Smell, Refractor, CI/CD เป็นต้น
        • Guide & Teach - ปรับ Mind Set
        • Organization - เคลียร์อุปสรรคระหว่างทำงาน
      • Leader ทุกคนตาม ถ้าให้อารมณ์ทำงาน เอาแต่สั่งๆ (Command) หรือ Bias เป็นต้น มันจะเข้าสู่ด้านมืด และทำให้ทีมเละได้
      • การเปลี่ยนแปลงอะไร ต้องเชื่อมั่นคนในทีม ต้องกล้าที่รับผิดชอบ และมีเบาะไว้รับ กรณีที่เกิดปัญหา (Save to Fail)
      • Slide ของ Speaker
    • Super Scale Scrum (Speaker: Jo) - เมื่องานชึ้นหนึงต้องมีทีมทั้งหมดหลายร้อยชีวิต
      • งานเดิมเป็น Silo
      • ทำ Scrum แบบย่อยๆ ทำจากทีมเล็กๆก่อน
      • ทาง Speaker เอา Scrum ซึ่มเข้าไป โดยเน้น Standup Meeting, Review, Timebox, Retrospective ซึมจนทีมย่อยเกิด Product Backlog เอง
      • เอาทีม Scrum ย่อยๆ ดึงคน มาทำ Super Scrum Team โดยทีมนี้มีหน้าที่คานกับทางฝั่ง Business มาคุยจับลำดับความสำคัญของงาน เน้นมอง Busines Use Case แล้วหลายๆ Busines Use Case มันจะกลายเป็น Definition of done.
      • ** Document จำเป็นต้องมี เอามาช่วยใ้คุยกันได้ง่ายขึ้น
      • ** สำหรับเคสนี้มีผู้เสนอ Idea อีกอันนึง (ผมจำชื่อพีเค้าไม่ได้ T_T) คือ ทำ Feature Team เป็น Team ที่ดึงมาจาก แต่ละ Silo เพื่อมาทำ Feature เฉพาะอย่างไป
    • อยากได้อะไร ให้บอกมา (Speaker: nook)
      • ให้ทุกๆ Role เข้าใจซึ่งกันและกัน
      • การหาความจริงที่มีเพียงหนึ่งเดียว Real Customer (User) , Real Requirement
      • ปรับมุมมองให้ทุกคนมีส่วนร่วมใน Product เช่น จาก Software Developer >> Product Developer
      • Job Shadowing ลองสลับหมวกกัน ดูแลบ้าง จะได้เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น เห็นมุมมองใหม่ๆ ในการทำงาน
      • ปรับจูนมุมมองเข้าหากัน จาก Top มา Down กับ Down ไป Top เข้าหากัน ให้เข้าใจสิ่งที่ต้องารให้ตรงกัน
      • ปรับมุมมองให้คนใน Role ต่างๆ มาลองใช้ Product ที่ทำกันเองดู ไม่ว่าจะเป็นทาง Dev, BA เป็นต้น ให้เข้าใจว่า ลองใช้เองแล้วรู้สึกอย่างไร - Happy to feedback
      • ใน Session นี้ คุณ Dov (ไม่แน่ใจว่าเขียนชื่อถูก หรือป่าวนะ) มาเสนอเรื่องของ Management 3.0 โดยเสนอเกม Delegation Poker เพื่อเปิดอกให้ทุกคนคุยกัน ช่วยให้รู้ขอบเขต และฝึกการให้อำนาจกันตัดสินใจ ถ้าทุกอย่างมันไปกองที่คนๆเดียวมีปัญหาแน่ๆ หรือสนใจเฉพาะงานใน Silo ตัวเอง
      • ** เข้าใจว่า ควรให้ทำ Retrospective ร่วมกัน
      • ** ส่วนตัวไม่ได้แข็งภาษาอังกฤษเลยไม่แน่ใจว่าตีความได้ตรง หรือไม่นะ
    • Retrospective (Speaker: B)
      • ถ้าในงานเดิม Project Closure ทำกันตอนจบ Project ปัญหา คือ ลืมไปแล้วว่าช่วงนั้นมีปัญหา ประเด็นอะไร หรือไม่คนที่มีปัญหา หรือประเด็นนั้น ลาออกไปเรียบร้อยแล้ว
      • อะไรที่เอาเข้ามาใน Retrospective ได้หละ ?
        • ปัญหาในงาน เช่น Requirement ไม่ Sync กันเลยจะแก้ยังไง, ระบบ CI มีปัญหาก็แก้ให้จบตอนนั้น
        • เรื่องของอารมณ์ควรรุ้สึก
        • Good vs bad
        • พัฒนาทีม สร้างผู้นำ
        • Plan อนาคต
        • อื่นๆ
        • ** ระวังเรื่องการจับประชุม แล้วดันไปสร้างสมรภูมิกลางห้อง / เป็นไปได้คนกลาง(Scrum Master) ช่วยไกล่เกลี่ยก่อนระดับนึง
        • ** Retrospective แล้วพยายามให้เกิดมี Action หลังจากนั้นด้วย
        • ** มี Link ที่ Speaker แนะนำ funretrospectives

ปิดท้ายด้วย retrospective สรุป Feedback ของงานครับ สำหรับงานนี้ ผมชอบนะงานนี้คนมันน้อยดี เพราะคนน้อยมันจะทำให้คุยกันมากขึ้น ไม่รู้ว่าเป็นที่ผมคนเดียว หรือป่าว เพราะเวลาไปงานอื่นๆ พอคนเยอะ มันดูวุ่นวาย แล้วบรรยากาศมันไม่เหมาะ อ๋อ และก็งานนี้ให้ถอดรองเท้าด้วย ไม่แน่ใจว่าจะทำคุ้นเคยกลับสถานที่ หรือป่าว นั่งๆ กลิ้งๆ กับพื้น ^___^


Discover more from naiwaen@DebuggingSoft

Subscribe to get the latest posts sent to your email.