เพิ่งลองมาเขียน Blog ในด้านการเงินการลงทุนครั้งแรกๆนะ ก่อนอื่นต้องทวนความหมายของสองคำนี้ก่อน
- ออมหุ้น คือ การซื้อหุ้นในจำนวนเงินที่เท่าๆกันทุกๆเดือน โดยที่ Marketing จะเป็นผู้จัดหาหุ้นที่มีพื้นฐานดีมากให้ อันนี้จะมี Broker ที่บริการ 2 เจ้าได้แก่ ฟิลลิป กับ CIMB
- ออมกองทุน คือ การซื้อกองทุนแบบปกตินั่นแหละ แต่ผมขอโฟกัสไปที่กองทุนหุ้นนะ อันนี้สามารถซื้อได้หมดเลยเยอะ 55 เช่นของ MFC, BAY, KTB
ต่อมาเราจะมองจุดเด่นของแต่ละแบบ โดยผมจะแยกเป็นมุมมองต่างๆ ดังนี้
คนจัดการเงินของเรา
- ออมหุ้น: ลูกค้าเป็นคนจัดการโดย Marketing คัดสรรหุ้นที่มีพื้นฐานดีมาให้ลูกค้าเลือกซื้อ
- ออมกองทุนหุ้น: ลูกค้าไม่มีสิทธิ์ในการเลือกหุ้น ผู้บริหารกองทุนเป็นคนจัดการทั้งหมด
ความคล่องตัวและความเสี่ยง
- ออมหุ้น:
- ลูกค้าสามารถจัด หรือ ปรับเปลี่ยน Port กองลงทุนได้ด้วยตัวเอง
- ความเสี่ยงสูง เพราะลงในทุนโดยตรงในตลาดหุ้นที่มีโอกาศผันผวนได้สูง
- เงินขั้นต่ำในการลงทุนตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป
- ออมกองทุนหุ้น
- ความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น โดยตรง เพราะ Port ที่ผู้ดูแลกองทุนจัดการมีการบริการ Port ที่รองรับความเสี่ยงอยู่แล้ว
- เงินขั้นต่ำในการลงทุนตั้งแต่ 1,000 บาทขั้นไป
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- ออมหุ้น:
- มีโอกาศได้ใช้สิทธิ์ในหุ้น (Corporate Action) ทั้งเงินปันผล(Dividend) หรือสิทธิ์ในการเข้าประชุม เป็นต้น
- ได้ Capital Gain สูงกว่า เพราะเราสามารถเลือกจังหวะในการซื้อ-ขายได้เอง
- โอกาlได้รับสิทธิ์ทางภาษี
- ออมกองทุนหุ้น:
- ได้รับเงินปันผลของกองทุน ซึ่งเป็นมาจากเงินปันผลของหุุ้น หรือ Dividend(ถ้ากองทุนนั้นมีจ่ายปันผล) และ Capital Gain รวมกัน
ภาษี
- ออมหุ้น:
- มีสิทธิได้รับภาษีจากเงินปันผลคืน หากหุ้นตัวนั้นได้รับสิทธิพิเศษจากทางภาครัฐ
- ออมกองทุนหุ้น:
- เงินปันผล ถูกภาษีหักแน่ๆ 10%
- ส่วนเงินที่ได้จากการขาย ไม่ถูกหักภาษีจ้า
- ถ้ากองทุนหุ้นที่ลงไว้นั้นเป็นพวก LTF คุณสามารถเอาข้อมูลการลงทุนในรอบนั้นไปยื่นลดหย่อยภาษีได้ (คุ้นว่า LTF จะมีใช้สิทธลดหย่อนได้ถึงในปี 2559)
หมายเหตุ ข้อมูลนี้เป็นการสรุปข้อมูลคร่าวๆ ผู้อ่านควรศึกษาเงื่อนไข หรือหนังสือเชิญชวนให้ดี ก่อนการลงทุนนะครับ รู้เขารู้เรารบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง 😀
Discover more from naiwaen@DebuggingSoft
Subscribe to get the latest posts sent to your email.